All New Honda Civic 1.8

All New Honda Civic 1.8

ของใหม่ยังไงก็ดีกว่าเดิม

สำหรับ Honda Civic ต้องบอกว่าเป็นรถที่มีประวัติมาอย่างยาวนานตั้งแต่ปี 1972 ซึ่งเป็นโมเดลรถยนต์นั่งในพิกัด C-Segment ที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดรุ่นหนึ่งของค่ายฮอนด้า ด้วยบุคลิกของรถยนต์ที่ขับสนุก สมรรถนะดี บังคับควบคุมง่าย ที่สำคัญคือเอาไปปรับแต่งทั้งความสวยงามภายนอกและสมรรถนะของเครื่องยนต์ที่สามารถทำให้แรงได้ง่ายและทนทานไม่กระจายไปก่อนวัยอันควร

การเดินทางของ Honda Civic มาถึงตอนนี้เป็นเจเนอเรชั่นที่ 9 กับการเปลี่ยนแปลงโฉมหน้าใหม่อีกครั้งที่ดูแล้วมีความแปลกใหม่ โฉบเฉี่ยว แต่ทั้งหมดทั้งมวลแล้ว Civic ใหม่ มีอะไรที่ดีขึ้นและคุ้มค่าพอจะจ่ายเงินซื้อมาขับใช้งานหรือไม่วันนี้ทีมงาน Auto Vision จะมาไขข้อข้องใจในเรื่องนี้กันครับ

สำหรับสัดส่วนของ Honda Civic ใหม่ ตัวถังจะมีความยาว 4,525 มิลลิเมตร กว้าง 1,755 มิลลิเมตร สูง 1,434 มิลลิเมตร ระยะฐานล้อยาว 2,670 มิลลิเมตร ถ้าเปรียบเทียบกับรุ่นเก่าจะพบว่าความกว้างและความสูงเท่าเดิม แต่ระยะฐานล้อจะถูกหดให้สั้นลง และความยาวของตัวถังลดลงจากเดิม แต่ก็ไม่ได้มากมายนักไม่ถึงกับรู้สึกได้ ความตั้งใจที่จะลดความยาวของรถลงนั้นทางวิศวกรของฮอนด้าบอกว่า เพื่อต้องการทำให้รถโมเดลใหม่ๆของฮอนด้าหลังจากนี้มีน้ำหนักที่เบาลง ประหยัดน้ำมันมากขึ้น แต่ต้องคงไว้ซึ่งสมรรถนะที่ดี

มุมมองภายนอกของ Civic ใหม่ ต้องบอกว่าดูดีในทุกสัดส่วน ตลอดความยาวของตัวถังจะมีแนวเส้นที่เป็นแนวทางการออกแบบรถยนต์ใหม่ในยุคต่อไปของฮอนด้า ซึ่งหลายๆ ท่านเรียกมันว่า “ทรงลิ่ม” และเป็นแนวเส้นสายที่ได้รับอิทธิพลมาจากรถรุ่นใหม่ๆ ในแถบยุโรปอีกด้วย สำหรับการออกแบบทรงลิ่มนี้จะเป็นการเล่นแนวเส้นสายตัวถังที่จะทำให้ตัวรถต้องมีกระจกหูช้างบริเวณหน้าต่างของประตูคู่หน้า ซึ่งตรงจุดนี้ของ Civic รุ่นใหม่ก็ถูกปรับปรุงให้มีมุมมองทัศนวิสัยที่ดีขึ้นชัดเจนมากขึ้น เสา A ถูกลดความกว้างลง ทำให้มองเห็นเส้นทางข้างหน้าได้ดีขึ้น เช่นเดียวกับทัศนวิสัยด้านหลังที่ยังใกล้เคียงกับรถรุ่นเดิม ซึ่งตั้งแต่เวอร์ชั่นเก่าก็ไม่ได้เป็นปัญหาอะไรมากมาย

เราเข้ามาดูภายในรถกันบ้างเริ่มแรกเรื่องของการ เข้า - ออก ห้องโดยสารตรงจุดนี้ประตูก็ยังคงมีขนาดใหญ่ในระดับที่รถยนต์พิกัด C-Segment ทั่วไป ประตูคู่หน้าเปิดกางออกได้กว้าง ส่วนประตูคู่หลังบานประตูเปิดกางออกได้กว้างเช่นเดียวกัน ภายในห้องโดยสารการตกแต่งแตกต่างกันตามขนาดเครื่องยนต์ สำหรับรุ่นนี้เป็นรุ่น 1.8 ลิตร จะเป็นเบาะผ้าสีเบจ เบาะนั่งคู่หน้านั่งสบายขึ้นมีการปรับปรุงพนักศีรษะให้ดันศีรษะเพิ่มขึ้น พนักพิงหลังออกแบบให้รองรับแผ่นหลังดีขึ้น ตัวเบาะรองนั่งนุ่มขึ้นไม่แข็งเหมือนรุ่นเก่า ส่วนเบาะหลังเบาะรองนั่งก็นุ่มขึ้น นั่งสบายขึ้น พนักพิงหลังมีมุมองศาการเอนที่ดีนั่งทางไกลๆ ไม่เมื่อยแน่นอน ตำแหน่งการวางแขนทั้งบนแผงประตู หรือที่พักแขนบนเบาะหลังไม่มีอะไรต้องปรับปรุงถือว่าดีอยู่แล้ว

มาที่แผงหน้าปัดยังคงเป็นแบบ 2 ชั้น เหมือนรุ่นเดิมแต่ถูกปรับปรุงให้ลดการละสายตาจากถนน แผงมาตรวัดเรืองแสงสีฟ้า ตัวเลขดิจิตอลบอกความเร็วจะขนาบข้างด้วยแถบแสงแนวตั้งแสดงการขับขี่ประหยัด Eco Assist Coaching ถ้าขับปกติแถบจะขึ้นเป็นสีฟ้า แต่ถ้าขับประหยัดจะขึ้นเป็นแถบสีเขียว มองไปทางซ้ายจะมีหน้าจอแสดงข้อมูลแบบอัจฉริยะ Intelligent Multi-Information Display (i-MID) แสดงผลข้อมูลทั้งระบบเครื่องเสียง ระยะทางการเดินทาง อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง และระบบนำทาง (เฉพาะรุ่น 1.8 Navi กับ 2.0) และข้อมูลสำหรับแจ้งเตือน ทั้งเช็คเครื่องยนต์หรือเปิดประตูทิ้งไว้ โดยทั้งหมดจะถูกแสดงผลผ่านทางหน้าจอสีขนาด 5 นิ้วแบบ LCD มาที่พวงมาลัย 3 ก้าน ออกแบบใหม่ขนาดพอกับรุ่นเดิม สวิตช์ฝั่งซ้ายควบคุมชุดเครื่องเสียงและระบบนำทาง รวมทั้งหน้าจอ i-MID ส่วนฝั่งขวาจะเป็นระบบควบคุมความเร็วคงที่ Cruise Control นอกจากนี้ยังมีปุ่ม ECON Mode กดเข้าไปแล้วระบบจะลดการเปิดลิ้นปีกผีเสื้อไฟฟ้าให้น้อย การเปลี่ยนเกียร์อัตโนมัติก็จะถูกปรับเปลี่ยนเพื่อให้สอดคล้องกับการทำงานเพื่อเน้นความประหยัดน้ำมันมากขึ้น

ดูภายในเสร็จมาต่อที่เครื่องยนต์ สำหรับขุมพลังรุ่นนี้เป็นรหัส R18A บล็อก 4 สูบ SOHC 16 วาล์ว 1,798 ซีซี. หัวฉีด PGM-FI พร้อมระบบแปรผันวาล์ว i-VTEC 141 แรงม้า (PS) ที่ 6,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 17.7 กก.-ม.ที่ 4,300 รอบ/นาที มีทั้งเกียร์ธรรมดา 5 จังหวะ และรุ่นเกียร์อัตโนมัติ 5 จังหวะ จากการทดลองขับเครื่องยนต์ตัวนี้ไม่ได้แตกต่างจากเดิมมากมายนัก การตอบสนองของอัตราเร่งยังดีเหมือนเดิม เรียกแรงบิดมาใช้งานได้ฉับไวและทันใจ ไม่อืดอาด ไม่ยืดยาด ทำงานผสานกับเกียร์อัตโนมัติ 5 จังหวะ ได้แม่นยำ และฉลาดขึ้นตอบสนองการค้างรอบเครื่องยนต์ไว้ในการเปลี่ยนเกียร์ได้อย่างสมดุล

ลงมาที่ช่วงล่างระบบกันสะเทือนด้านหน้าเป็นแบบแม็คเฟอร์สันสตรัท ด้านหลังเป็นแบบ Multi-Link พร้อมเหล็กกันโคลงทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ดูแล้วก็เหมือนช่วงล่างชุดเดิมแต่มีการปรับเซ็ต สปริง และโช้คอัพ ให้มาในแนวสปอร์ตมากขึ้น อาการในภาพรวมของตัวรถขณะอยู่ในโค้ง เนียน และนุ่มนวลกว่าเดิม ถือว่ายังเป็นช่วงล่างที่มั่นใจได้เหมือนเดิม

ระบบเบรกของ Civic ใหม่ ทุกรุ่นเป็นดิสก์เบรก 4 ล้อ เสริมการทำงานด้วย ABS , EBD และ BA การเบรกให้การตอบสนองดีมาก เหยียบแค่ไหนรถก็หน่วงความเร็วลงให้แค่นั้น ภาพรวมของระบบเบรกต้องบอกว่าดีอยู่แล้วตั้งแต่เวอร์ชั่นก่อนมาถึงตอนนี้ดีขึ้นอีกนิดในเรื่องการตอบสนองที่เนียนมากขึ้นและละเอียดมากขึ้นกว่าเดิม

บทสรุปกับการเปลี่ยนแปลงของรุ่นนี้ต้องบอกว่ามันเป็นความยากในระดับหนึ่งอยู่แล้วสำหรับผู้ผลิตรถยนต์ที่จะต้องพัฒนารถยนต์รุ่นใหม่ขึ้นมาบนพื้นฐานของรถยนต์รุ่นเดิมๆ และมันจะเป็นเรื่องที่ยากมากขึ้นไปอีกถ้าหากรถรุ่นเดิมที่ว่านั้นประสบความสำเร็จอย่างมากมายเป็นทุนอยู่แล้ว มาถึงจุดนี้ Honda ก็ยังคงทำได้ดี และสำหรับ All New Honda Civic เจเนอเรชั่นที่ 9 นี้แสดงให้เราเห็นแล้วว่าถูกปรับปรุงในด้านต่างๆ ให้ดีขึ้น ทั้งเรื่องของเครื่องยนต์ ช่วงล่าง เบรก มาถึงตรงนี้คงต้องพูดย้ำเหมือนที่ขึ้นหัวเอาไว้อีกครั้งว่า “ของใหม่ยังไงก็ดีกว่าเดิม” ถูกไหมครับท่านผู้อ่าน

เรื่อง/ภาพ ปิยะวัฒ จิตมา